Friday, May 17, 2013

มะเฟืองหวาน Carambola


มะเฟืองหวาน Carambola

ลักษณะทั่วไป
http://www.bloggang.com/data/jazzy-bong/picture/1271351126.jpg


    เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะเป็นทรงพุ่ม ซึ่งมีทั้งลักษณะตั้งตรง และกึ่งเลื้อยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย ลำต้นและกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน แกนกลางมีไส้คล้ายฟองน้ำมีสีแดงอ่อน มีใบแบบใบประกอบ สีเขียว ประกอบด้วยใบย่อย 5-11 ใบ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง และตาข้างตามกิ่งและลำต้น มีดอกสีชมพูอ่อน ไปจนถึงเกือบแดง จากการสังเกตสีดอกจะเห็นได้ว่า สีของดอกมะเฟืองยิ่งแดงมากก็จะเป็นมะเฟืองพันธุ์มาเลเซีย ซึ่งมีผลใหญ่และรสชาติดี ส่วนดอกสีออกขาวมาก จะเป็นมะเฟืองเปรี้ยว และรสชาติไม่สู้ดีนัก

    ส่วนผลของมะเฟือง มีลักษณะแปลกไปจากผลไม้อื่น คือ มีก้นแหลมเป็นเหลี่ยมมีร่องลักษณะเป็นพูประมาณ 4-6 พู ซึ่งบุคคลบางจำพวกได้จินตนาการเห็นเป็นรูปลักษณ์อวัยวะเพศของนางสีดา จึงห้ามแตะต้องและเข้าใกล้ เลยทำให้มะเฟืองเป็นผลไม้อัปมงคลโดยไร้เหตุผล ก็สุดแล้วแต่จะเชื่อกันไป ในปัจจุบันพันธุ์มะเฟืองในประเทศไทยที่ปลูกกันอยู่มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน คือ

    มะเฟืองเปรี้ยว เป็นพันธุ์ที่มีอยู่ดั้งเดิมตามชนบทของประเทศไทย ซึ่งมีทั้งผลใหญ่และเล็ก

    มะเฟืองพันธุ์ไต้หวัน ได้มีผู้นำเข้ามาปลูกนานแล้ว มีลักษณะผลใหญ่พอประมาณลักษณะผล กลีบบาง ขอบบิด มีรสชาติหวาน

    มะเฟืองพันธุ์กวางตุ้ง ลักษณะผล สีขาวนวล ขอบกลีบสีเขียว มีรสชาติหวานคล้ายพันธุ์ไต้หวัน

    มะเฟืองพันธุ์มาเลเซีย เป็นพันธุ์ที่เพิ่งมีผู้นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เป็นพันธุ์ที่มีผลใหญ่ เนื้อฉ่ำน้ำ มีน้ำหนักมาก ตั้งแต่ 200-700 กรัม มีรสชาติออกหวานปนเปรี้ยวเล็กน้อย มะเฟืองมาเลเซียนี้ยังแบ่งออกได้อีกหลายสายพันธุ์ คือ

        พันธุ์ บี 10 เป็นพันธุ์มาเลเซียที่เข้ามาในประเทศไทยในยุคแรก ๆ ลักษณะผลใหญ่ กลีบบาง ร่องลึก ผลฉ่ำน้ำ เนื้อนิ่ม รสหวาน เมื่อสุกงอมจัด ผิวจะเป็นสีเหลืองทอง ปัจจุบันมีปลูกกันมาก และบางแห่งปลูกเป็นอุตสาหกรรมทำน้ำมะเฟืองบรรจุกระป๋องจำหน่ายอีกด้วย

        พันธุ์บี 17 (Honey Star) เป็นพันธุ์ใหม่ที่เข้ามาภายหลังพันธุ์ บี 10 ลักษณะผลจะเล็กกว่า บี 10 แต่จะออกทรงยาว กลีบใหญ่ ร่องตื้น มีเนื้อแข็งกรอบ สีออกแดงส้ม ขอบกลีบมีฟองอากาศเห็นได้ชัด รสหวานอมเปรี้ยว เข้มข้นกว่า บี 10 เหมาะสำหรับรับประทานผลสด

        พันธุ์ลูกผสมต่างๆ หรือพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะเมล็ด บี 10 และ บี 17 ซึ่งอยู่ระหว่างทดลอง พันธุ์ ยังมีอีกมาก

การขยายพันธุ์

ที่สวนลุงตี๋มีการขยายพันธุ์อยู่ด้วยกัน 3 วิธี
1. การติดตาหรือต่อกิ่ง ใช้ต้นตออายุตั้งแต่ 1-2 ปีขึ้นไป
2. การทาบกิ่ง ใช้ต้นตอตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
3. การเพาะเมล็ด เพื่อต้องการพันธุ์ใหม่ โดยการเอาเมล็ดพันธุ์บี10และบี17 ซึ่งปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกันมาเพาะเลี้ยง โดยใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไป โดยให้ออกผลผลิต ซึ่งมีคุณภาพดี ผลใหญ่ รสหวาน เนื้อแข็ง ออกผลง่าย และไม่มีโรค โดยให้ออกผลตั้งแต่ 3-5 ครั้งขึ้นไป จึงทำการขยายพันธุ์ต่อไป
4. การตอน ทางสวนของเราไม่ค่อยนิยมเพราะออกรากยากและมีรากน้อยเมื่อนำไปปลูกจะทำให้โตช้า และผลเล็กลงจากต้นแม่พันธุ์

การปลูกเลี้ยง

    มะเฟืองเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทย โดยมีวิธีการปลูกเหมือนกับการปลูกไม้ผลทั่วไป หากปลูกเพื่อเก็บผล ควรให้ห่างกันอย่างน้อย 6x6 เมตร ปลูกเพื่อทำกิ่งพันธุ์ขาย ควรให้ห่างกัน 3x3 เมตร ตัดแต่งให้ทรงพุ่ม ถูกแสงแดดได้มากที่สุด จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็ว และให้ผลผลิตที่ดี

ขั้นตอนการปลูก

    การเตรียมดินหรือพื้นที่ปลูกควรให้เป็นที่โล่งแจ้งขุดหลุมกว้างประมาณ 50x50x50 นำดินที่ขุดขึ้นมาผสมปุ๋ยคอก (ในที่นี้ขอแนะนำให้ใช้มูลไก่ เป็ด หรือค้างคาวที่แห้ง ยกเว้นมูลวัว ควาย เพราะจะทำให้เปรี้ยว หรือใช้ปุ๋ยหมัก) ตากแดดให้แห้งบริเวณปากหลุมประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจะนำกิ่งพันธุ์มาปลูกโดยยังไม่ต้องตัดผ้าพลาสติกจากรอยทาบหรือต่อตาออก ปลูกโดยกลบดินให้รอยทาบอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย ปักหลักยึดลำต้นให้แน่น รดน้ำทุกวัน เมื่อปลูกได้ประมาณ 3 เดือน ให้เอาผ้าพลาสติกออก และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 เล็กน้อยให้น้ำพอประมาณ ไม่ต้องทุกวัน เมื่อเจริญเติบโตดี แตกกิ่งก้านสาขาให้ตัดแต่งกิ่งที่ห้อยหรือไม่สมบูรณ์ออก เมื่อปลูกได้ประมาณ 6 เดือน จะเริ่มให้ดอก ให้ปลิดทิ้งก่อน เพราะต้นยังเล็กอยู่ เมื่อมีอายุได้ 10-12 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยมูลไก่แห้งบริเวณโคนต้นรสน้ำให้ชุ่ม จะทำให้เกิดดอก ฉีดฮอร์โมนขยายรังไข่ เมื่อดอกผสมเกสรจนติดลูกแล้ว ให้ปลิดลูกที่ไม่ได้ทรงและลูกที่อยู่ปลายกิ่งออกให้หมด เหลือลูกที่ติดลำต้น และกิ่งใหญ่ไว้ประมาณ 6-10 ลูก แล้วห่อผลด้วยถุงพลาสติกขนาด 6x14 นิ้ว โดยใช้มีดกรีดก้นถุงให้เป็นรูระบายอากาศ หากลูกถูกแดดจัดให้ใช้กระดาษทำกรวยครอบอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือนครึ่ง ลูกจะแก่ หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใช้ปุ๋ยโปรแตสเซียมใส่เล็กน้อย ก่อนเก็บผลประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อสีผลออกเหลืองแล้วจึงเก็บมารับประทาน

การป้องกันโรคและแมลง

    ตามปกติโรคพืชที่เกิดกับมะเฟืองมีน้อยมาก และมีเพียงโรคราสนิมเท่านั้น เวลาซื้อกิ่งพันธุ์ให้ตรวจดูว่ามีติดมากับกิ่งพันธุ์หรือไม่ หากปลูกน้อยต้นไม่จำเป็นต้องใช้ยา ปลิดใบที่เป็นโรคทิ้งทำลายก็พอ ถ้าปลูกมากให้ใช้สารป้องกันเชื้อราสนิมฉีดพ่นได้ในระยะเริ่มเป็น ส่วนแมลงที่จะเป็นอันตรายกับต้นมะเฟืองได้แก่ หนอนเจาะลำต้น จะทำให้กิ่งแห้งหรือเหี่ยวเฉาลง ให้ตัดกิ่งบริเวณหนอนเจาะ จะเห็นตัวให้จับทำลายเสีย เพราะหนอนเหล่านี้มีน้อยมาก และนอกจากนี้ยังมีมดกับแมลงวันทองที่จะเข้าทำลายผล เนื่องจากรสหวานจึงทำให้มดขึ้นไปกินบนต้น จึงไม่ควรปล่อยให้ผลสุกอยู่กับต้นนานนัก ควรรีบเก็บผลเมื่อเริ่มมีสีเหลืองเพื่อนำมาบริโภคหรือจำหน่ายต่อไป ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้นิยมรับประทานมะเฟืองสดกันมากขึ้น เป็นเพราะ อาจได้เคยลิ้มรสชาติมะเฟืองพันธุ์ดีที่ออกใหม่มาบ้างแล้วก็เป็นได้

    มะเฟืองนอกจากจะใช้รับประทานผลสด ทำน้ำผลไม้คั้น เป็นเครื่องเคียงสำหรับอาหารเวียดนามแล้วยังใช้ประดับจานอาหารตามร้านอาหารหรูๆ ด้วย มะเฟืองยังเป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์อีกมาก เช่น รับประทานผลสดทำให้เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ฟอกโลหิตเสีย แก้โรคนิ่ว และยังเป็นยาบำรุงหัวใจอีกด้วย ส่วนใบสดบดละเอียดทาตัวแก้โรคอีสุกอีใส รากใช้ถอนพิษร้อน พิษไข้ และยังสามารถปลูกมะเฟืองในกระถางใหญ่ทำเป็นไม้ประดับได้สวยงาม เมื่อเวลามีผลอีกด้วย

การตลาด

    เนื่องจากมะเฟืองเป็นผลไม้ที่ยังไม่มีผู้ปลูกแพร่หลายนัก จีงเป็นผลไม้ที่มีราคาค่อนข้างแพง ส่วนมากจะมีจำหน่ายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และตามตลาดที่มีชื่อเสียง เช่น ตลาด อตก. และตลาดเก่าเยาวราช ส่วนตามริมถนนในชนบท จึงยังไม่มีออกจำหน่าย สำหรับราคาที่ขายกันอยู่นั้นตั้งแต่ประมาณ กิโลกรัมละ 80-150 บาท (ผลใหญ่ประมาณ 3-4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม) แล้วแต่ในช่วงเทศกาล เช่น ช่วงกินเจ ปีใหม่ และ ตรุษจีน และไหว้พระจันทร์ จะมีราคาสูงมากและยังมีผู้สนใจที่จะส่งเป็นสินค้าออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย

    รูปภาพมะเฟืองสวยๆจากสวนลุงตี๋

มะเฟือง.....อย่ามองข้าม!!!.


มะเฟือง.....อย่ามองข้าม!!!.
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจมีหลายท่านนั่งลุ้นข่าวผู้ก่อการร้ายที่กรุงเทพฯ
โดยใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอทีวี เป็นเวลานาน
ไม่ยอมขยับไปไหน  ทำให้ต้องกลั้นปัสสาวะ  ซึ่งหากกระทำซ้ำซาก
อาจเป็นสาเหตุ  ให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้
มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่ช่วยท่านได้ คือ มะเฟืองค่ะ

มะเฟืองเป็นผลไม้ที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า สตาร์ฟรุต(Star Fruit)
 เพราะเมื่อหั่นผลตามขวางแล้วจะได้ชิ้นมะเฟือง ที่มีรูปร่างเหมือนดาวห้าแฉก
 โดยรสชาติของมะเฟืองนั้นจะออกรสเปรี้ยวอมหวานคล้ายลูกพลัม สับปะรด
และมะนาวผสมกัน  ซึ่งท่านทราบหรือไม่ว่า มะเฟืองนั้นมีประโยชน์
ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากมายทีเดียว

มะเฟืองมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเอเชีย เจริญเติบโตได้ดีในเขตที่
มีความชื้นสูงแต่ในที่แห้งแล้งก็สามารถเจริญเติบโตได้
นิยมปลูกในสวนหลังบ้านปะปนกับพืชอื่น ๆ
ที่บ้านหวานหวานปลูกไว้ข้างรั้วหนึ่งต้น เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลมากมาย
มะเฟืองมีลักษณะเป็นไม้ที่ มีทรงพุ่มปานกลาง มีความสูง 6-15 เมตร
กิ่งจะห้อยลง ใบ มีสีเขียวลักษณะใบรวมแบบขนนก มีใบย่อย 5-11 ใบ
มีรูปร่างคล้ายรูปไข่  ขนาด 2 - 5 เซนติเมตร
ถ้าลำต้นสูงเกินไป ก็ตกแต่งทรงพุ่มให้เตี้ยลง เพื่อจะได้เก็บผลสะดวก

ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ข้างตา ตามกิ่ง และลำต้น มีสีชมพูอ่อน
จนถึงสีม่วง ดอกขนาดเล็กเมื่อเวลาดอกบานมีกลิ่นหอม

ผล มีลักษณะรูปไข่ มีร่องกลีบลึกเห็นได้ชัดเจน

ขนาด 7-13 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว

มะเฟืองให้ผลดกตลอดปี ต้นนี้ให้ผลรสหวานฉ่ำ ทานไม่เบื่อ
มีผลไม้สดๆที่บ้าน ไว้รับประทานทานเอง ภูมิใจออกนะคะ
.
ผลสุกจะมีสีเขียวปนเหลือง หรือน้ำตาลมีกลิ่นหอม
รสเปรี้ยวหรือหวานแล้วแต่ชนิดของพันธุ์ บางครั้งมีรสฝาด
นักโภชนศาสตร์ได้ วิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของมะเฟืองแล้ว
พบว่า อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซีน โปรตีน
คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและพลังงาน
ซึ่งสารอาหารที่พบในมะเฟืองหนึ่งผลนั้นสามารถที่จะช่วยเสริมสร้าง
กระดูกและฟันให้แข็งแรงควบคุมการเต้นของหัวใจให้สม่ำเสมอ
ควบคุมกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดแข็งตัวง่าย
กล่อมประสาท  ช่วยระงับความฟุ้งซ่าน
.
 จึงช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นในผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ
.
นอกจากนี้ มะเฟืองมีวิตามินซีมาก บรรเทาโรคเลือดออกตามไรฟัน
.
มะเฟืองมีปริมาณพลังงาน น้ำตาลและเกลือโซเดียมต่ำ
.
เหมาะกับการกินเพื่อควบคุมน้ำหนัก คุมน้ำตาลในเลือด

หรือลดความอ้วน มีกรดผลไม้มาก ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง

ชำระล้างผิวกายและป้องกันการเกิดสิว

สำหรับผู้ที่เป็นโรคนิ่ว น้ำมะเฟืองก็จะช่วยขับปัสสาวะ

และสลายนิ่วได้ดีอีกด้วย

การกินมะเฟือง จะกินทั้งผลที่ให้รสชาติอมหวานอมเปรี้ยวถูกใจ

หรือจะกินแบบเป็นเครื่องเคียงในอาหาร เช่น กินกับแหนมเนือง

ก็อร่อยเข้ากันดี หรือจะนำมาคั้นเป็นน้ำมะเฟืองแช่เย็นไว้ดื่ม

เพื่อดับกระหายก็ได้เพราะน้ำมะเฟืองจะช่วยดับร้อนใน แก้กระหาย

เมื่อทราบสรรพคุณของมะเฟืองกันแบบนี้แล้วอย่าลืมเลือก

รับประทานผลไม้รูปดาวนี้ ที่ไม่ใช่แค่สวยงามอย่างเดียว

แต่ยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ

น้ำมะเฟือง ป้องกันโรคหวัด บำรุงหัวใจ ช่วยให้นอนหลับสบาย

น้ำมะเฟือง ป้องกันโรคหวัด บำรุงหัวใจ ช่วยให้นอนหลับสบาย


น้ำมะเฟืองป้องกันโรคหวัด บำรุงหัวใจ ช่วยให้นอนหลับ มะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามิน เอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 ไนอะซีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและพลังงาน สารต่างๆ 



เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แก้ร้อนใน ดับกระหาย ควบคุมการเต้นของหัวใจให้ส่ม่ำเสมอ ช่วยให้เลือดแข็งตัวง่าย ใครที่มักนอนไม่ค่อยจะหลับ ลองหามะเฟืองมาทานบ่อยๆ จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
ส่วนผสม
-เนื้อมะเฟือง (ไม่ต้องปอกเปลือก) 1 ผล



-น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น 5 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1/2 ช้อนชา



-น้ำแข็งก้อนเล็ก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ


นำเนื้อมะเฟืองใส่ ลงในเครื่องปั่นไฟฟ้า ใส่น้ำเชื่อม เติมเกลือป่น ใส่น้ำแข็งก้อนเล็กลงไป ปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำมะเฟืองรสหวานอมเปรี้ยว รินใส่แก้วทรงสูงดื่มได้ทันที


สายพันธุ์มะเฟือง


สายพันธุ์มะเฟือง
ต้นมะเฟืองมีรูปทรงสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับก็ได้ หรือปลูกเป็นไม้เก็บผลก็ดี
ประเทศไทยปลูกมะเฟืองกันหลายสายพันธุ์ ได้แก่
  • มะเฟืองเปรี้ยว เป็นพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศไทย มีทั้งชนิดผลใหญ่และเล็ก
  • มะเฟืองพันธุ์ไต้หวัน ขนาดผลใหญ่พอประมาณ กลีบผลบาง ขอบบิด มีรสหวาน
  • มะเฟืองพันธุ์กวางตุ้ง มีสีขาวนวล ขอบกลีบผลสีเขียว มีรสหวาน
  • มะเฟืองพันธุ์มาเลเซีย ผลมีขนาดใหญ่ เนื้อฉ่ำน้ำ น้ำหนักมาก มีรสหวานอมเปรี้ยว
มะเฟืองสามารถกินเป็นผลไม้ก็ได้ ปรุงเป็นกับข้าวก็ดี
การกินมะเฟืองของคนไทยมีหลายรูปแบบ เช่น กินผลมะเฟืองสด ใช้เป็นเครื่องเคียงอาหาร (เครื่องเคียงแหนมเนือง) หรือจะแปรรูปเป็นน้ำผลไม้

mafuangdok

ใบอ่อนของมะเฟืองกินเป็นผักได้

ที่ต่างประเทศนำมะเฟืองมาปรุงอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด พบทั้งเป็นส่วนประกอบในสลัดกุ้งก้ามกราม เป็นเครื่องเคียงอาหารเนื้อสัตว์ (ปลา หมู ไก่) ใช้แทนสับปะรดในอาหารจำพวกผัดผัก และเมนูอาหารอบ ปรุงผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น ทำแยม ทาร์ตและเค้ก และพบในเครื่องดื่มต่างๆ

สรรพคุณทางยา
ภูมิปัญญาไทยมีการใช้มะเฟืองสืบทอดกันมา ดังนี้
  • ผลมะเฟือง ดับกระหาย แก้ร้อนใน ลดความร้อนภายในร่างกาย บรรเทาอาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ขับเสมหะ ใช้ขจัดรังแค บำรุงเส้นผม ช่วยให้เลือดแข็งตัวง่าย ช่วยระงับความฟุ้งซ่าน ช่วยให้หลับง่ายขึ้น และบรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟัน
  • ใบและราก ปรุงกินเป็นยาดับพิษร้อน แก้ไข้ ใบสดตำใช้พอกตุ่มอีสุกอีใสและกลากเกลื้อน
  • ใบต้มน้ำอาบแก้ตุ่มคัน
  • ใบอ่อนและรากมะพร้าว ผสมรวมกันต้มดื่มแก้ไข้หวัดใหญ่
  • แก่นและราก ต้มกินแก้ท้องร่วง แก้เส้นเอ็นอักเสบ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มะเฟืองมีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชันสูง มีสารกลุ่มโพลีฟีนอลซึ่งมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันมาก สารสำคัญในกลุ่มนี้ที่พบในมะเฟือง ได้แก่ กรดแอสคอบิก อีพิคาทีชิน และกรดแกลลิกในรูปของแกลโลแทนนิน

mafuangdoa

สารสำคัญที่แสดงฤทธิ์ต้านออกซิเดชันจากมะเฟือง คือ โพรแอนโทไซยาไนดินในรูปของโมเลกุลคู่ โมเลกุล 3 4 5 (dimers, trimers, tetramers and pentamers) ของคาทีชินหรืออีพิคาทีชิน
นอกจากนี้ มะเฟืองมีวิตามินซีมาก บรรเทาโรคเลือดออกตามไรฟัน มะเฟืองมีปริมาณพลังงาน น้ำตาลและเกลือโซเดียมต่ำ เหมาะกับการกินเพื่อควบคุมน้ำหนัก คุมน้ำตาลในเลือด หรือลดความอ้วน มีกรดผลไม้มาก ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางชำระล้างผิวกายและป้องกันการเกิดสิว

ฤทธิ์ลดน้ำตาลและสร้างไกลโคเจน
งานวิจัยจากประเทศบราซิลในปีนี้พบว่าอนุพันธ์กลูโคไพแรนโนไซด์ของเอพิจีนิน (apigenin-6-C-beta-l-fucopyranoside) ที่ได้จากผลมะเฟืองมีผลทันทีในการลดน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวาน ไกลโคไซด์ดังกล่าวกระตุ้นการหลั่งอินซูลินชนิดที่ถูกกระตุ้นโดยกลูโคส และมีผลในการสังเคราะห์ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ soleus
ผลในการสังเคราะห์ไกลโคเจนในกล้ามเนื้อถูกยับยั้ง เมื่อมีการใช้สารยับยั้งการส่งผ่านสัญญาณสู่อินซูลิน (insulin signal transduction inhibitor) ฟลาโวนอยด์จากมะเฟืองจึงมีฤทธิ์เป็นทั้ง antihyperglycemic (insulin secretion) และ insulinomimetic (glycogen synthesis)

เส้นใยอาหารจากมะเฟือง

งานวิจัยจากไต้หวันพบว่าเนื้อผลของมะเฟืองมีปริมาณเส้นใยไม่ละลายน้ำสูง ส่วนใหญ่เป็นเพ็กทินและเฮมิเซลลูโลส เส้นใยเหล่านี้มีค่าทางเคมีและกายภาพ ได้แก่ ค่าการอุ้มน้ำ คุณสมบัติในการบวม การแลกเปลี่ยนสารมีประจุ สูงกว่าค่าที่ได้จากเซลลูโลส ปัจจัยดังกล่าวทำให้เส้นใยมะเฟืองมีความสามารถในการดูดซับกลูโคส และลดการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส จึงน่าจะช่วยคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดหลังอาหารได้

mafuangpon

งานวิจัยดังกล่าวจึงแนะนำให้ใช้เส้นใยจากผลมะเฟืองเป็นสารพลังงานต่ำที่ ทำให้อิ่มเร็ว ใช้กินโดยตรงหรือเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ได้
จึงขอแนะนำผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักให้เลือกกินมะเฟืองผลไม้อุดมค่าชนิดนี้
คนที่มีสุขภาพดีอยู่แล้วก็น่าจะเพิ่มคุณค่าของมะเฟืองเป็นรายการผลไม้ประจำวันได้เพราะมะเฟืองให้ผลตลอดปี

มะเฟือง ผลไม้ควบคุมน้ำหนัก

mafuangsook

        มะเฟืองเป็นผลไม้ที่รูปทรงผลสวย เมื่อหั่นแนวขวางได้เป็นรูปดาวห้าแฉก ภาษาอังกฤษ จึงเรียกว่า star fruit ผลดิบสีเขียว สุกเป็นสีเหลือง มีทั้งรสหวานและเปรียวแล้วแต่สายพันธุ์ ออกดอกและติดผลตลอดปี เป็นไม้ต้นพื้นเมืองของอินโดนีเซีย อินเดีย และศรีลังกา เป็นทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และยา คุณค่าทางอาหาร คือ วิตามิน เอ วิตามินบี1 วิตามินบี 2 วิตามิน C ไนอะซีน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันเส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และสังกะสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Averrhoa carambola L. ,วงศ์ Oxalidaceae
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ Carambola, Star Fruit หรือ Star Apple
ชื่ออื่นๆ มะเฟืองส้ม (สกลนคร) มะเฟืองเปรี้ยว สะบือ เฟือง
ชื่อวงศ์ Oxalidaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 8-12 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นสั้น เรือนยอดแน่นทึบ ลำต้นสีน้ำตาลอมแดง ผิวขรุขระ ใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ แต่ละใบมีใบย่อย 3-11 ใบ ใบย่อยออกตรงข้ามกัน หรือเรียงสลับกัน ใบย่อยรูปขอบขนาน แถบใบหอก กว้าง 2-3.5 เซนติเมตร ยาว 3-9 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ ผิวใบมัน ใบอ่อนสีเขียวอมแดง ใบย่อยตรงปลายใบมีขนาดใหญ่ ดอกช่อขนาดเล็ก โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยก 5 กลีบ กลีบดอกสีชมพู ถึงม่วงแดง แต่ตอนโคนกลีบสีซีดจางเกือบขาว ปลายกลีบโค้งงอน ออกตามซอกใบที่มีใบติดอยู่ หรือใบร่วงหลุดไปแล้ว หรืออาจจะออกตามลำต้น กลีบเลี้ยงสีม่วงมี 5 กลีบ ปลายแหลม ก้านชูช่อดอกมีสีม่วง ผลสด รูปกลมรี อวบน้ำ มีสันเด่นชัด ลักษณะเป็นกลีบขึ้นเป็นเฟือง 5 เฟือง มองเห็นเป็นสันโดยรอบผล 5 สัน เมื่อผ่าตามขวางจะเป็นรูปดาว 5 แฉก ยาว 7-14 เซนติเมตร ผลดิบสีเขียว ผลสุกสีเหลืองอ่อนอมส้ม เป็นมันลื่น เนื้อผลลักษณะชุ่มน้ำ รสหวานอมเปรี้ยวรับประทานได้ เมล็ดแบนสีดำ ยาวเรียวขนาด 0.5 เซนติเมตร มีหลายเมล็ด ผลและยอดอ่อนใช้รับประทานได้ ให้ผลตลอดปี บางชนิดรสหวาน บางชนิดรสเปรี้ยว ผลกินได้ทั้งขณะผลอ่อน และผลสุกแล้ว พบปลูกตามบ้านเรือน เรือกสวนทั่วไปเพื่อรับประทานผล

Exif_JPEG_PICTURE