Friday, May 17, 2013

มะเฟืองหวาน Carambola


มะเฟืองหวาน Carambola

ลักษณะทั่วไป
http://www.bloggang.com/data/jazzy-bong/picture/1271351126.jpg


    เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะเป็นทรงพุ่ม ซึ่งมีทั้งลักษณะตั้งตรง และกึ่งเลื้อยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย ลำต้นและกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน แกนกลางมีไส้คล้ายฟองน้ำมีสีแดงอ่อน มีใบแบบใบประกอบ สีเขียว ประกอบด้วยใบย่อย 5-11 ใบ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง และตาข้างตามกิ่งและลำต้น มีดอกสีชมพูอ่อน ไปจนถึงเกือบแดง จากการสังเกตสีดอกจะเห็นได้ว่า สีของดอกมะเฟืองยิ่งแดงมากก็จะเป็นมะเฟืองพันธุ์มาเลเซีย ซึ่งมีผลใหญ่และรสชาติดี ส่วนดอกสีออกขาวมาก จะเป็นมะเฟืองเปรี้ยว และรสชาติไม่สู้ดีนัก

    ส่วนผลของมะเฟือง มีลักษณะแปลกไปจากผลไม้อื่น คือ มีก้นแหลมเป็นเหลี่ยมมีร่องลักษณะเป็นพูประมาณ 4-6 พู ซึ่งบุคคลบางจำพวกได้จินตนาการเห็นเป็นรูปลักษณ์อวัยวะเพศของนางสีดา จึงห้ามแตะต้องและเข้าใกล้ เลยทำให้มะเฟืองเป็นผลไม้อัปมงคลโดยไร้เหตุผล ก็สุดแล้วแต่จะเชื่อกันไป ในปัจจุบันพันธุ์มะเฟืองในประเทศไทยที่ปลูกกันอยู่มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน คือ

    มะเฟืองเปรี้ยว เป็นพันธุ์ที่มีอยู่ดั้งเดิมตามชนบทของประเทศไทย ซึ่งมีทั้งผลใหญ่และเล็ก

    มะเฟืองพันธุ์ไต้หวัน ได้มีผู้นำเข้ามาปลูกนานแล้ว มีลักษณะผลใหญ่พอประมาณลักษณะผล กลีบบาง ขอบบิด มีรสชาติหวาน

    มะเฟืองพันธุ์กวางตุ้ง ลักษณะผล สีขาวนวล ขอบกลีบสีเขียว มีรสชาติหวานคล้ายพันธุ์ไต้หวัน

    มะเฟืองพันธุ์มาเลเซีย เป็นพันธุ์ที่เพิ่งมีผู้นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เป็นพันธุ์ที่มีผลใหญ่ เนื้อฉ่ำน้ำ มีน้ำหนักมาก ตั้งแต่ 200-700 กรัม มีรสชาติออกหวานปนเปรี้ยวเล็กน้อย มะเฟืองมาเลเซียนี้ยังแบ่งออกได้อีกหลายสายพันธุ์ คือ

        พันธุ์ บี 10 เป็นพันธุ์มาเลเซียที่เข้ามาในประเทศไทยในยุคแรก ๆ ลักษณะผลใหญ่ กลีบบาง ร่องลึก ผลฉ่ำน้ำ เนื้อนิ่ม รสหวาน เมื่อสุกงอมจัด ผิวจะเป็นสีเหลืองทอง ปัจจุบันมีปลูกกันมาก และบางแห่งปลูกเป็นอุตสาหกรรมทำน้ำมะเฟืองบรรจุกระป๋องจำหน่ายอีกด้วย

        พันธุ์บี 17 (Honey Star) เป็นพันธุ์ใหม่ที่เข้ามาภายหลังพันธุ์ บี 10 ลักษณะผลจะเล็กกว่า บี 10 แต่จะออกทรงยาว กลีบใหญ่ ร่องตื้น มีเนื้อแข็งกรอบ สีออกแดงส้ม ขอบกลีบมีฟองอากาศเห็นได้ชัด รสหวานอมเปรี้ยว เข้มข้นกว่า บี 10 เหมาะสำหรับรับประทานผลสด

        พันธุ์ลูกผสมต่างๆ หรือพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะเมล็ด บี 10 และ บี 17 ซึ่งอยู่ระหว่างทดลอง พันธุ์ ยังมีอีกมาก

การขยายพันธุ์

ที่สวนลุงตี๋มีการขยายพันธุ์อยู่ด้วยกัน 3 วิธี
1. การติดตาหรือต่อกิ่ง ใช้ต้นตออายุตั้งแต่ 1-2 ปีขึ้นไป
2. การทาบกิ่ง ใช้ต้นตอตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
3. การเพาะเมล็ด เพื่อต้องการพันธุ์ใหม่ โดยการเอาเมล็ดพันธุ์บี10และบี17 ซึ่งปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกันมาเพาะเลี้ยง โดยใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไป โดยให้ออกผลผลิต ซึ่งมีคุณภาพดี ผลใหญ่ รสหวาน เนื้อแข็ง ออกผลง่าย และไม่มีโรค โดยให้ออกผลตั้งแต่ 3-5 ครั้งขึ้นไป จึงทำการขยายพันธุ์ต่อไป
4. การตอน ทางสวนของเราไม่ค่อยนิยมเพราะออกรากยากและมีรากน้อยเมื่อนำไปปลูกจะทำให้โตช้า และผลเล็กลงจากต้นแม่พันธุ์

การปลูกเลี้ยง

    มะเฟืองเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงได้ทุกสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทย โดยมีวิธีการปลูกเหมือนกับการปลูกไม้ผลทั่วไป หากปลูกเพื่อเก็บผล ควรให้ห่างกันอย่างน้อย 6x6 เมตร ปลูกเพื่อทำกิ่งพันธุ์ขาย ควรให้ห่างกัน 3x3 เมตร ตัดแต่งให้ทรงพุ่ม ถูกแสงแดดได้มากที่สุด จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็ว และให้ผลผลิตที่ดี

ขั้นตอนการปลูก

    การเตรียมดินหรือพื้นที่ปลูกควรให้เป็นที่โล่งแจ้งขุดหลุมกว้างประมาณ 50x50x50 นำดินที่ขุดขึ้นมาผสมปุ๋ยคอก (ในที่นี้ขอแนะนำให้ใช้มูลไก่ เป็ด หรือค้างคาวที่แห้ง ยกเว้นมูลวัว ควาย เพราะจะทำให้เปรี้ยว หรือใช้ปุ๋ยหมัก) ตากแดดให้แห้งบริเวณปากหลุมประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจะนำกิ่งพันธุ์มาปลูกโดยยังไม่ต้องตัดผ้าพลาสติกจากรอยทาบหรือต่อตาออก ปลูกโดยกลบดินให้รอยทาบอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย ปักหลักยึดลำต้นให้แน่น รดน้ำทุกวัน เมื่อปลูกได้ประมาณ 3 เดือน ให้เอาผ้าพลาสติกออก และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 เล็กน้อยให้น้ำพอประมาณ ไม่ต้องทุกวัน เมื่อเจริญเติบโตดี แตกกิ่งก้านสาขาให้ตัดแต่งกิ่งที่ห้อยหรือไม่สมบูรณ์ออก เมื่อปลูกได้ประมาณ 6 เดือน จะเริ่มให้ดอก ให้ปลิดทิ้งก่อน เพราะต้นยังเล็กอยู่ เมื่อมีอายุได้ 10-12 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยมูลไก่แห้งบริเวณโคนต้นรสน้ำให้ชุ่ม จะทำให้เกิดดอก ฉีดฮอร์โมนขยายรังไข่ เมื่อดอกผสมเกสรจนติดลูกแล้ว ให้ปลิดลูกที่ไม่ได้ทรงและลูกที่อยู่ปลายกิ่งออกให้หมด เหลือลูกที่ติดลำต้น และกิ่งใหญ่ไว้ประมาณ 6-10 ลูก แล้วห่อผลด้วยถุงพลาสติกขนาด 6x14 นิ้ว โดยใช้มีดกรีดก้นถุงให้เป็นรูระบายอากาศ หากลูกถูกแดดจัดให้ใช้กระดาษทำกรวยครอบอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือนครึ่ง ลูกจะแก่ หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใช้ปุ๋ยโปรแตสเซียมใส่เล็กน้อย ก่อนเก็บผลประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อสีผลออกเหลืองแล้วจึงเก็บมารับประทาน

การป้องกันโรคและแมลง

    ตามปกติโรคพืชที่เกิดกับมะเฟืองมีน้อยมาก และมีเพียงโรคราสนิมเท่านั้น เวลาซื้อกิ่งพันธุ์ให้ตรวจดูว่ามีติดมากับกิ่งพันธุ์หรือไม่ หากปลูกน้อยต้นไม่จำเป็นต้องใช้ยา ปลิดใบที่เป็นโรคทิ้งทำลายก็พอ ถ้าปลูกมากให้ใช้สารป้องกันเชื้อราสนิมฉีดพ่นได้ในระยะเริ่มเป็น ส่วนแมลงที่จะเป็นอันตรายกับต้นมะเฟืองได้แก่ หนอนเจาะลำต้น จะทำให้กิ่งแห้งหรือเหี่ยวเฉาลง ให้ตัดกิ่งบริเวณหนอนเจาะ จะเห็นตัวให้จับทำลายเสีย เพราะหนอนเหล่านี้มีน้อยมาก และนอกจากนี้ยังมีมดกับแมลงวันทองที่จะเข้าทำลายผล เนื่องจากรสหวานจึงทำให้มดขึ้นไปกินบนต้น จึงไม่ควรปล่อยให้ผลสุกอยู่กับต้นนานนัก ควรรีบเก็บผลเมื่อเริ่มมีสีเหลืองเพื่อนำมาบริโภคหรือจำหน่ายต่อไป ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้นิยมรับประทานมะเฟืองสดกันมากขึ้น เป็นเพราะ อาจได้เคยลิ้มรสชาติมะเฟืองพันธุ์ดีที่ออกใหม่มาบ้างแล้วก็เป็นได้

    มะเฟืองนอกจากจะใช้รับประทานผลสด ทำน้ำผลไม้คั้น เป็นเครื่องเคียงสำหรับอาหารเวียดนามแล้วยังใช้ประดับจานอาหารตามร้านอาหารหรูๆ ด้วย มะเฟืองยังเป็นพืชสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์อีกมาก เช่น รับประทานผลสดทำให้เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ฟอกโลหิตเสีย แก้โรคนิ่ว และยังเป็นยาบำรุงหัวใจอีกด้วย ส่วนใบสดบดละเอียดทาตัวแก้โรคอีสุกอีใส รากใช้ถอนพิษร้อน พิษไข้ และยังสามารถปลูกมะเฟืองในกระถางใหญ่ทำเป็นไม้ประดับได้สวยงาม เมื่อเวลามีผลอีกด้วย

การตลาด

    เนื่องจากมะเฟืองเป็นผลไม้ที่ยังไม่มีผู้ปลูกแพร่หลายนัก จีงเป็นผลไม้ที่มีราคาค่อนข้างแพง ส่วนมากจะมีจำหน่ายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และตามตลาดที่มีชื่อเสียง เช่น ตลาด อตก. และตลาดเก่าเยาวราช ส่วนตามริมถนนในชนบท จึงยังไม่มีออกจำหน่าย สำหรับราคาที่ขายกันอยู่นั้นตั้งแต่ประมาณ กิโลกรัมละ 80-150 บาท (ผลใหญ่ประมาณ 3-4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม) แล้วแต่ในช่วงเทศกาล เช่น ช่วงกินเจ ปีใหม่ และ ตรุษจีน และไหว้พระจันทร์ จะมีราคาสูงมากและยังมีผู้สนใจที่จะส่งเป็นสินค้าออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย

    รูปภาพมะเฟืองสวยๆจากสวนลุงตี๋

0 comments:

Post a Comment